ต้องขออนุญาตใช้คำว่า “ต้องบุก” เนื่องจากสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้การเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยมีการชะลอตัว รวมถึงอัตราการเกิดของประชากรไทยที่ต่ำมาก จึงทำให้กำลังซื้อและขนาดตลาดไม่ได้ใหญ่ขึ้นเลย เปรียบเสมือนก้อนเค้กที่มีขนาดเท่าเดิม แต่กลับกันคือ มีคนพร้อมเข้ามาแบ่งชิ้นเค้กมากขึ้น ซึ่งก็คือ จำนวนผู้ประกอบการหน้าใหม่ บริการใหม่ ๆ สินค้าใหม่ ๆ ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน อีกทั้งผู้ประกอบการหน้าเก่าหรือเจ้าตลาดเดิม ก็ยังคงต้องการให้ธุรกิจของตนเองเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
จึงทำให้เหล่าผู้ประกอบการ SMEs อยู่ในภาวะที่ไม่ต่างจากสงคราม แต่เป็นสงครามทางการค้าที่มีการแข่งขันสูงและดุเดือด และด้วยปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ จึงทำให้ SMEs ในไทยจำเป็นต้องรีบปรับตัวและปรับมุมมองจากเดิมที่เคยคิดว่า “อยากขยายธุรกิจไปต่างประเทศ” “อยากขายสินค้าให้คนต่างชาติ” “บริษัทเราควรต้องโกอินเตอร์แล้วนะ” “บริการของเราน่าจะตอบโจทย์คนทั่วโลก” โดยคำพูดหรือความคิดเหล่านี้ ต้องถูกเปลี่ยนเป็นไปใช้คำว่า “ต้อง” นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพราะเมื่อคุณมี Mindset หรือ กรอบความคิดแบบนี้แล้วนั้น จะทำให้สินค้าหรือบริการของคุณถูกวางแผน ออกแบบ ปรับปรุง หรือสร้างใหม่ ผ่านกรอบความคิดหรือมุมมองของคุณที่มองภาพในระดับที่ใหญ่ขึ้น
ยิ่งแข่ง..ยิ่งแพ้
หากคุณคือผู้ประกอบการที่กำลังจะนำสินค้าหรือบริการของคุณเข้าสู่ตลาด สิ่งที่คุณคาดหวังก็คือ ฐานลูกค้า ยอดขาย และการเติบโต ซึ่งหากสินค้าหรือบริการของคุณไม่ได้แตกต่าง ไม่ใช่ของใหม่ หรือไม่ได้โดดเด่นกว่าของคู่แข่ง วิธีเบสิคที่สุดก็คือ การตั้งราคาขายให้ถูกกว่าคู่แข่ง หรือการจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ เพราะเป็นการเร่งให้ผู้บริโภคเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือเปลี่ยนใจมาใช้บริการของคุณ แต่อย่าลืมว่า..ถ้าคุณทำได้ คู่แข่งของคุณก็ทำได้เช่นกัน จึงเป็นที่มาที่ทำให้เกิดการตัดราคา ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อใครเลยทั้งคุณและคู่แข่ง และถึงแม้ว่าคุณจะสามารถยืนหยัดต่อสู้จนมีส่วนแบ่งทางการตลาดในระดับที่คุณพอใจแล้วก็ตาม
แต่ในท้ายที่สุดแล้ว เจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบการ SMEs ทุกราย ก็ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือ การเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ ปี แต่จากปัจจัยต่าง ๆ ที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ก็ส่งผลทำให้การไปถึงเป้าหมายมีความยากขึ้น และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าอาจจะมีทั้งฝ่ายที่พ่ายแพ้และฝ่ายที่ชนะเกิดขึ้นในการแข่งขันนี้ด้วยเช่นกัน
ความน่าสนใจและความเป็นไปได้
ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ หรือจะมีรากฐานในไทยที่แน่นและแข็งแกร่งแล้วก็ตาม การนำพาสินค้าหรือบริการออกไปต่างประเทศก็ยังมีความสำคัญมากต่อการเติบโตทางธุรกิจ ด้วยความน่าสนใจและเย้ายวนจากตัวเลขประชากรทั่วโลกที่มีมากกว่า 7 พันล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าประชากรไทยกว่า 100 เท่า เลยทีเดียว และนั่นก็จะเป็นโอกาสก็ต่อเมื่อคุณมองว่ามันคือโอกาสที่คุณจะออกไปคว้ามาให้ได้ อาจจะได้ในสัดส่วนเพียงเล็กน้อยแต่ผลลัพธ์คุ้มค่า ดั่งคำที่ว่า “น้อยนิดมหาศาล”
ผู้ประกอบการ SMEs อาจจะมองว่า สินค้าหรือบริการของเรานั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ตอบโจทย์และเหมาะสมกับคนไทยเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุก ๆ สินค้าหรือบริการมักจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาบางอย่าง ตอบสนองความต้องการ ความชอบ ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นสินค้าหรือบริการของคุณก็อาจจะตอบโจทย์ ถูกใจ เหมาะสม กับผู้คนมากมายที่อยู่บนโลกใบนี้ได้ด้วยเช่นกัน เห็นได้จาก Startup มากมายที่สร้าง application ขึ้นมาแล้วให้บริการได้ในหลายประเทศทั่วโลก เพราะเขาตั้งใจแก้ปัญหาให้กับผู้คนที่อยุ่ต่างพื้นที่แต่มี pain point เหมือนกันนั่นเอง และหากมองในมุมมองของบ้านเรา ก็ขอยกตัวอย่างในเรื่องของอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ส้มตำ ผักผลไม้ และอื่น ๆ ที่ไปถูกใจชาวต่างชาติ จนทำให้เกิดการแปรรูปอาหารเหล่านี้และส่งออกไปขายทั่วโลก
ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายก็ตาม ที่ SMEs จะโกอินเตอร์ เนื่องจากมีสิ่งใหม่ ๆ ที่ต้องศึกษาเรียนรู้มากมาย แต่เราก็เชื่อว่าเหล่าผู้ประกอบการในไทยล้วนแล้วแต่มีความสามารถกันทั้งนั้น หากตั้งใจและวางแผนที่จะทำตามเป้าหมายให้ชัดเจน ก็ย่อมที่จะทำได้อย่างแน่นอน อีกทั้งในปัจจุบันนี้ ทั้งทางภาครัฐและเอกชนก็มีเป้าหมายเดียวกันที่จะช่วยขับเคลื่อน GDP ของไทยเราให้โตขึ้น จึงมีการส่งเสริมและให้การสนับสนุน SMEs ไทยในด้านต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมากมาย และรวมถึง KARTON EXPRESS ด้วยเช่นกัน ที่พร้อมจะแบ่งปันประสบการณ์ ให้คำปรึกษา และสร้างบริการใหม่ ๆ ที่พร้อมจะพาผู้ประกอบการทุกท่านออกสู่ต่างประเทศ ด้วยบริการส่งของไปต่างประเทศของเรา